คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด เช่น การให้สินเชื่อเช่าซื้อโดยมีหลักประกัน และบริการอื่น ๆ ของบริษัท การลงทะเบียนสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน การใช้บริการหรือซื้อสินค้า การเข้าถึงและใช้เนื้อหา ฟีเจอร์ เทคโนโลยี หรือฟังก์ชันที่ปรากฏในเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชันกับบริษัท (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า (“เรา”) ดำเนินการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่านเพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้
ทั้งนี้ เราดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
1.1 เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
❒ ความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาต่าง ๆ ที่ท่านได้ทำกับเรา เช่น สัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่า สัญญาจ้าง สัญญาการติดตามทวงถามหนี้ เป็นต้น ซึ่งหากท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เราอาจไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้
❒ ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น เพื่อการนำส่งและการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากร
❒ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราและของท่าน ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งได้แก่การประมวลผลเพื่อประกอบการยืนยันตัวตน การป้องกันการทุจริตฉ้อฉล การตรวจสอบและการควบคุมภายในของเรา
เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ความจำเป็นในการยืนยันตัวบุคคล เพื่อความจำเป็นในการดำเนินการด้านการให้สินเชื่อ ในการให้บริการตามคำร้องคำขอของท่าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการให้สินเชื่อ เพื่อตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการของลูกค้า เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการงานด้านต่าง ๆ และเพื่อติดต่อลูกค้าผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์การทุจริตฉ้อฉลการตรวจสอบและการควบคุมภายในของเรา
เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังรายการต่อไปนี้
3.1 แหล่งข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้
เก็บข้อมูลจากท่านโดยตรงผ่าน การกรอกแบบฟอร์มคำขอสินเชื่อ และการกรอกคำขอสินเชื่อผ่าน Application Online
1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประชาชน, วันเกิด, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
2.ข้อมูลการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน เช่น หนังสือรับรองการทำงาน
3.ข้อมูลการเงิน เช่น รายได้, ค่าใช้จ่าย, เครดิตบูโร, ชื่อสถานที่ทำงาน, ตำแหน่งงาน
4.ข้อมูลวัตถุหลักฐานประกอบความประสงค์การใช้พิจารณาสินเชื่อ
3.2 จุดประสงค์การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล
วิเคราะห์และขออนุมัติสินเชื่อ
1.ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ชื่อสกุล นามแฝง เลขบัตรประชาชน, วันเกิด, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
2.ข้อมูลการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน เช่น หนังสือรับรองการทำงาน
3.ข้อมูลการเงิน เช่น รายได้, ค่าใช้จ่าย, เครดิตบูโร, ชื่อสถานที่ทำงาน, ตำแหน่งงาน
4.ข้อมูลวัตถุหลักฐานประกอบความประสงค์การใช้พิจารณาสินเชื่อ
4.1 เราเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือนิติบุคคลดังต่อไปนี้
4.1.1 บริษัทประกัน เพื่อป้องกันรถหาย คุ้มครองทรัพย์สิน
4.1.2 บริษัท Outsource ติดตามทวงถามหนี้ ติดตามยึดรถ
4.1.3 บริษัท Outsource เกี่ยวกับ การจัดส่งเอกสาร การเก็บฝากเอกสาร
4.2 ไม่มี การเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อสาธารณะ
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
5.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่เรามีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
5.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เราทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
5.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
5.3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เราได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้เราเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
5.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เรากำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่เรามีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น เราสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล
ส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของเรา)
เราไม่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เว้นแต่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา โดยเราจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
6.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้เราจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
6.2 เราได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้เป็นไปตามรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
6.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ หรือ เพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
เราเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 8 ปี หรือตามแต่กฎหมายกำหนด นับจากวันสิ้นสุดสัญญาหรือการให้บริการแก่ท่านสิ้นสุด หรือ ระยะเวลาการจัดเก็บตามกฎหมาย เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการบัญชี และภาษีอากร รวมถึงอายุความการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือโต้แย้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย แล้วแต่ว่าระยะเวลาใดจะนานกว่ากัน ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวเราจะทำการ
เรามีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของเรา
นอกจากนี้ เราได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเราได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยส่งคำร้องขอผ่าน MBK Contact Center: (66) 2832-2555 หรือ E-mail: [email protected]
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เราจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ เราอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ตามกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้
เราได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยเราจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ เราอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านเว็บไซต์ของเรา อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่เรา
อนึ่ง การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดหยุดการใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
12.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
12.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
ในกรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัท ลูกจ้างหรือพนักงานของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแล ตามรายละเอียดดังนี้
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ: ชั้น 7 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
ท่านสามารถศึกษาเรียนรู้รายละเอียดในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว มาตรการในการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของข้อมูล และสิทธิต่าง ๆ ของท่านเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ใน website ของเรา